สำนักพิมพ์สยาม เรเนซองส์ ได้ส่งหนึ่งผลงานหนังสือวิเคราะห์ประวัติศาสตร์เล่มใหม่สู่ตลาดนักอ่านกันไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เมื่อปลายปี ๒๔๖๓ ที่ผ่านมา กับเรื่องราวในหน้าประวัติศาสตร์ที่หายไปของดินแดนเก่าแก่อย่างประเทศจีน…ประเทศที่ครองตำแหน่งพี่ใหญ่สำหรับหลายๆประเทศในดินแดนเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งได้บรรณาธิการข่าวต่างประเทศผู้ผ่านสิบงานเขียน ร้อยบทความแห่งประวัติศาสตร์มาแล้วอย่างโชกโชน อย่างคุณกรกิจ ดิษฐาน มาร่วมสืบค้นที่มาที่ไปของอัลบั้มภาพถ่ายจากดินแดนมังกรอันไกลโพ้น กับนามอันเป็นปริศนาทั้งนามของผู้สรรค์สร้างและนามของสถานที่ต่างๆในกรอบรูปที่โชว์ให้เราเห็นอย่างเงียบเชียบภายในอัลบั้มนี้
ในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ ๑๘ ถือเป็นช่วงเวลาแห่งความโกลาหลอันยิ่งใหญ่ในดินแดนตะวันออกและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อันเกิดจากผลพวงของการล่าอาณานิคมของมหาอำนาจจากยุโรป หลายประเทศไม่สามารถรอดจากคมเขี้ยวแห่งอาวุธของผู้ที่เจริญแล้ว รวมถึงประเทศจีน พี่ใหญ่ของเอเชียด้วยเช่นกัน
“เมื่อผมได้รับการติดต่อจากสำนักพิมพ์ ผมยังนึกภาพไม่ออกว่าจะต้องเขียนหนังสือเล่มนี้ เพียงแต่ได้รับการบอกกล่าวว่าทางสำนักพิมพ์สนใจที่จะทาบทามให้ผมเขียนหนังสือสักเล่มเพราะเห็นผลงานของผมเกี่ยวกับประวัติศาสตร์สงครามกลางเมืองจีน
เราได้พบกันในบ่ายวันหนึ่ง และผมได้มีโอกาสได้ชมอัลบั้มภาพที่ทางสำนักพิมพ์ตั้งใจจะจัดทำเป็นหนังสือขึ้นมาสักเล่ม
เมื่อตรวจดูแล้วพบว่าอัลบั้มภาพชุดนี้ไม่ตรงกับภาพถ่ายที่ถ่ายในสตูดิโอมีชื่อเสียงแห่งไหน ลักษณะของภาพถ่ายยังดูคล้ายฝีมือของช่างภาพสมัครเล่น แต่หากมันมีคุณค่าแค่นั้นผมคงไม่รับเขียนหนังสืออธิบายภาพในอัลบั้ม
เพราะบรรดาภาพถ่ายในเล่มนี้มีหลายภาพบันทึกเหตุการณ์ช่วงสงคราม รัสเซีย-ญี่ปุ่น ภาพแมนจูเรีย ภาพสถานที่สำคัญในปักกิ่งที่ไม่หลงเหลืออยู่แล้ว คุณสมบัติข้อนี้ของอัลบั้ม ก็นับว่ามีคุณค่ามากแล้วในทางประวัติศาสตร์สากล
ใครคือผู้ถ่ายและใครคือเจ้าของอัลบั้มภาพนี้ และมันมีความสำคัญต่อประเทศสยามอย่างไร นี่คือคำถามที่เราพยายามตอบด้วยข้อมูลที่แสนจะจำกัด
กระนั้นก็ตาม ด้วยความที่ภาพนี้บรรทุกเหตุการณ์และสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์เอาไว้ ผมจึงตั้งสมมติฐานว่ามันควรมีความสำคัญในด้านสังคม การเมือง และในเมื่อมันบรรยายด้วยภาษาไทย ความเป็นไปของประเทศจีน แต่อาจถ่ายด้วยช่างภาพชาวญี่ปุ่น…
เพื่อที่จะอธิบายความเชื่อมโยงเหล่านี้ ผมเลือกที่จะนำเสนอความเกี่ยวโยงระหว่างจีน สยาม และญี่ปุ่น โดยปูพื้นเบื้องหลังความสัมพันธ์อันซับซ้อนระหว่างสยามกับราชวงศ์ชิง ระหว่างญี่ปุ่นกับจีน ระหว่างญี่ปุ่นกับสยาม และบทสรุปความสัมพันธ์สามเส้าระหว่างจีน-ญี่ปุ่น-สยาม ที่น้อยคนนักจะทราบ
ภาพในอัลบั้มนี้เปิดหน้าต่างทางประวัติศาตร์ได้มากมายถึงขนาดนั้น”
ปริศนาในอัลบั้มนี้ยังคงไม่มีคำตอบที่เจาะจงแน่ชัด ว่าเป็นของใคร และมีวัตถุประสงค์การใช้งานภาพถ่ายนั้นเพื่ออะไร ….แต่อัลบั้มภาพถ่ายชิ้นนี้กลับมีมูลค่าที่หามาตรวัดอันสุดประมาณไม่ได้ในทางประวัติศาสตร์ ความรับรู้ที่น้อยคนนักในปัจจุบันจะได้รับทราบ ซึ่งผลงานเล่มนี้เราต้องยกความดีให้กับคุณกรกิจ ดิษฐาน ผู้ที่ดึงเอาเรื่องราวต่างๆออกมาเป็นหนังสือที่เมื่อเราได้สัมผัสมัน เราจะสนุกและเข้าใจอย่างง่ายดายนั่นเอง