พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ อู่ทอง
พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ อู่ทอง เป็นพิพิธภัณฑ์ด้านประวัติศาสตร์ โบราณคดี และประวัติศาสตร์ศิลปะ สังกัดกรมศิลปากร กระทรวงวัฒนธรรม ตั้งอยู่ที่ตำบลอู่ทอง อำเภออู่ทอง จังหวัดสุพรรณบุรี สร้างขึ้นครั้งแรกเป็นอาคารชั่วคราว เมื่อ พ.ศ. ๒๕๐๒ เพื่อเก็บรักษาโบราณวัตถุที่พบบริเวณเมืองโบราณอู่ทอง ต่อมากรมศิลปากรดำเนินการสำรวจ ขุดแต่ง บูรณะโบราณสถานที่เมืองโบราณอู่ทอง พบโบราณวัตถุจำนวนมาก จึงมีการสร้างพิพิธภัณฑ์เป็นอาคารถาวรเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๐๘ – ๒๕๐๙ เพื่อเก็บรักษาและจัดแสดงโบราณวัตถุได้จากการดำเนินงานทางโบราณคดีที่เมืองโบราณอู่ทอง โดยได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากพระบาทสมเด็จพระชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เสด็จพระราชดำเนินมาทรงเปิดพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ อู่ทอง เมื่อวันที่ ๑๓ พฤษภาคม ๒๕๐๙
พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ อู่ทอง ดำเนินโครงการพัฒนาและเพิ่มศักยภาพพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ อู่ทอง ซึ่งเป็นโครงการต่อเนื่อง ๕ ระยะ (ปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๔ – ๒๕๖๘) โดยได้ดำเนินการซ่อมแซม ปรับปรุงอาคารจัดแสดงซึ่งเป็นอาคารประวัติศาสตร์ที่พระบาทสมเด็จพระชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เสด็จมาเป็นองค์ประธานในพิธีเปิด และปรับปรุงนิทรรศการถาวรภายในอาคารจัดแสดงให้มีความทันสมัย มีเทคนิคการจัดแสดงสมัยใหม่ที่น่าสนใจดึงดูดผู้เข้าชม และมีการเพิ่มเติม ปรับปรุงข้อมูลการจัดแสดงโดยใช้ข้อมูลทางวิชาการที่เป็นปัจจุบัน โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้พิพิธภัณฑ์มีมาตรฐานการจัดแสดงระดับสากล นำเสนอเรื่องราวของเมืองโบราณอู่ทองและวัฒนธรรมทวารวดีที่มีเอกลักษณ์โดดเด่น เพื่อให้พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ อู่ทองเป็นแหล่งเรียนรู้และแหล่งท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมที่สำคัญของชาติต่อไป
ห้องจัดแสดงประกอบด้วย
๑. ทวารวดี ปฐมบทแห่งประวัติศาสตร์ไทย
ห้องวีดีทัศน์บรรยายสรุปเรื่องเมืองโบราณอู่ทองและวัฒนธรรมทวารวดี กล่าวถึงการติดต่อกับดินแดนภายนอก ทำให้เกิดการรับอารยธรรมจากอินเดียเข้ามาผสมผสานกับวัฒนธรรมดั้งเดิม เช่น การนับถือศาสนา การปกครองโดยระบบกษัตริย์ การสร้างงานศิลปกรรม และการใช้ตัวอักษรและภาษา ทำให้พัฒนาเข้าสู่ยุคประวัติศาสตร์เป็นสมัยแรกของดินแดนไทย ในสมัยทวารวดี เมื่อราวพุทธศตวรรษที่ ๑๒ – ๑๔ หรือประมาณ ๑,๒๐๐ – ๑,๔๐๐ ปีมาแล้ว และนับเป็นครั้งแรกที่เกิดการประดิษฐานพุทธศาสนาในดินแดนไทย และมีการนับถือสืบต่อมาจนกระทั่งปัจจุบัน
๒. เมืองโบราณอู่ทอง : ศูนย์กลางแรกเริ่มของวัฒนธรรมทวารวดี จุดเชื่อมโยงเส้นทางการค้าในดินแดนสุวรรณภูมิ
จัดแสดงเรื่องการติดต่อแลกเปลี่ยน ระหว่างผู้คนบริเวณเมืองโบราณอู่ทอง และดินแดนห่างไกล ตั้งแต่ยุคกึ่งก่อนประวัติ จนกระทั่งเข้าสู่สมัยทวารวดี โบราณวัตถุสำคัญได้แก่ เหรียญโรมันจักรพรรดิวิคโตรินุส ชิ้นส่วนเครื่องถ้วยจากตะวันออกกลางประดับบนปูนปั้นสมัยทวารวดี เหรียญอาหรับ เครื่องถ้วยจีน และปูนปั้นรูปใบหน้าพ่อค้าชาวต่างชาติ และมีสื่อวีดีทัศน์ประกอบโมเดลภูมิประเทศ บอกเล่าเรื่องราวของเมืองโบราณอู่ทอง ทั้งเรื่องสภาพภูมิประเทศ ที่ตั้งโบราณสถาน และโบราณวัตถุชิ้นสำคัญ
๓. โบราณคดีเมืองอู่ทอง : พ.ศ. ๒๔๔๖ – ปัจจุบัน ศตวรรษสำคัญงานโบราณคดีในประเทศไทย
จัดแสดงเรื่องงานโบราณคดีที่เมืองโบราณอู่ทอง ตั้งแต่สมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพเสด็จตรวจราชการเมืองอู่ทองในปี พ.ศ. ๒๔๔๖ จนกระทั่งการดำเนินงานทางโบราณคดีโดยกรมศิลปากรในปัจจุบัน และจัดแสดงโบราณวัตถุที่ได้จากการขุดแต่งโบราณสถานเมืองโบราณอู่ทองซึ่งมีทั้งเจดีย์และวิหารเนื่องในศาสนาพุทธ และศาสนสถานเนื่องในศาสนาพราหมณ์ – ฮินดู โบราณวัตถุชิ้นสำคัญ เช่น พระพุทธรูปปางแสดงธรรม สมัยทวารวดี จากเจดีย์หมายเลข ๑๑ เป็นต้น
๔. เจดีย์ วิหาร โบราณสถานทวารวดี : สถาปัตยกรรมแห่งศรัทธา ปฐมบทของพุทธศาสนาในดินแดนไทย
จัดแสดงเรื่องสถาปัตยกรรมสมัยทวารวดี ซึ่งเป็นสถาปัตยกรรมสมัยแรกของประเทศไทย โบราณวัตถุสำคัญ เช่น อิฐฤกษ์ ที่ใช้ในการประกอบพิธีกรรมวางฤกษ์เมื่อเริ่มสร้างศาสนสถาน และประติมากรรมปูนปั้นและดินเผาประดับศาสนสถาน
นอกจากนี้ยังจัดแสดงโบราณวัตถุชิ้นเยี่ยมของพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ อู่ทอง คือ ธรรมจักร แท่น และเสา พบจากการขุดแต่งเจดีย์หมายเลข ๑๑ เมืองโบราณอู่ทอง อายุราวพุทธศตวรรษที่ ๑๒ – ๑๓ หรือประมาณ ๑,๓๐๐ – ๑,๔๐๐ ปีมาแล้ว ถือเป็นหลักฐานสำคัญที่แสดงถึงการประดิษฐานธรรมจักรที่สมบูรณ์ที่สุดที่พบเพียงแห่งเดียวในประเทศไทย ทำให้สันนิษฐานได้ว่าในสมัยทวารวดี มีการสร้างธรรมจักรประดิษฐานบนเสา ตั้งอยู่ด้านหน้าศาสนสถาน
๕. ลูกปัดและเครื่องประดับทองคำ : วัตถุล้ำค่า ความงามที่สะท้อนความรุ่งเรืองของเมืองโบราณอู่ทอง
จัดแสดงเรื่องลูกปัดและเครื่องประดับ ซึ่งพบบริเวณเมืองโบราณอู่ทองเป็นจำนวนมาก โบราณวัตถุสำคัญ เช่น ลูกปัดหินคาร์เนเลียนและอาเกต ซึ่งเป็นสินค้านำเข้าจากอินเดีย มีอายุประมาณ ๑,๕๐๐ – ๒,๕๐๐ ปีมาแล้ว เครื่องประดับทองคำ สมัยทวารวดี และแผ่นดินเผารูปบุคคลฟ้อนรำ แสดงถึงการสวมใส่เครื่องประดับของผู้คนในสมัยทวารวดี
๖. ศาสนาและความเชื่อ : จากพุทธภูมิสู่สุวรรณภูมิ อรุณรุ่งแห่งยุคประวัติศาสตร์ไทย
จัดแสดงเรื่องศาสนาและความเชื่อที่เมืองโบราณอู่ทอง สันนิษฐานว่ามีการนับถือศาสนาพุทธแบบ
เถรวาทเป็นหลัก โดยมีการนับถือศาสนาพุทธแบบมหายานร่วมอยู่ด้วย นอกจากนี้ยังพบหลักฐานการนับถือศาสนาพราหมณ์ – ฮินดู และพบโบราณวัตถุที่แสดงถึงความเชื่อท้องถิ่นที่พบเฉพาะในวัฒนธรรมทวารวดี ที่ยังไม่สามารถสรุปคติในการสร้างอย่างแน่ชัด โบราณวัตถุสำคัญ ได้แก่ แผ่นดินเผารูปพระภิกษุอุ้มบาตร จารึกคาถาเย ธฺมมา ซึ่งเป็นคาถาหัวใจสำคัญของศาสนาพุทธ พระพิมพ์ภาพพระสาวกมีจารึก เศียรพระพุทธรูปทองคำ เอกมุขลึงค์ ตุ๊กตารูปคนจูงลิง
นอกจากนี้ยังจัดแสดงโบราณวัตถุที่เกี่ยวกับกษัตริย์ ที่สำคัญได้แก่ จารึกผ่านทองแดงมีจารึกชื่อกษัตริย์ พระพิมพ์มีจารึกชื่อกษัตริย์ และเหรียญมีจารึก “ศฺรีทฺวารวตี ศฺวรปุณฺย” แปลว่า “การบุณย์แห่งพระเจ้าศรีทวารวดี” แสดงถึงการมีระบบกษัติรย์ในสมัยทวารวดี